ออกกำลังกายแบบโยคะดียังไง?
โยคะเป็นการฝึกแบบผสมผสานท่าทางทางกายภาพ กับการฝึกหายใจ เป็นการทำสมาธิ เจริญสติ มีประโยชน์ต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิตมากมาย ต่อไปนี้เป็นวิธีเริ่มต้นฝึกโยคะ:
1.ค้นหาพื้นที่ที่เหมาะสม:
เลือกสถานที่ที่เงียบสงบ สะอาด และสะดวกสบาย เพื่อที่คุณจะสามารถฝึกโยคะได้ โดยไม่มีสิ่งรบกวนสมาธิ
2.อุปกรณ์โยคะ:
คุณไม่จำเป็นต้องมีอุปกรณ์มากมายในการเริ่มฝึกโยคะ แนะนำให้ใช้เสื่อโยคะ เพื่อความสบายและความมั่นคง คุณอาจต้องการใช้บล็อคโยคะ สายรัด และหมอนข้างเพื่อรองรับและจัดตำแหน่ง
3.สวมเสื้อผ้าที่สบาย:
สวมเสื้อผ้าหลวมๆ สบายๆ เพื่อช่วยให้คุณ สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ
4.เลือกสไตล์ของคุณ:
โยคะมีหลากหลายสไตล์ โดยแต่ละสไตล์จะมีการเน้นและจังหวะของตัวเอง รูปแบบทั่วไป ได้แก่ Hatha, Vinyasa, Ashtanga, Bikram และ Yin เลือกสไตล์ที่เหมาะสมกับคุณ
5.เริ่มต้นด้วยท่าพื้นฐาน:
เริ่มต้นด้วยท่าโยคะพื้นฐานที่สามารถเข้าถึงได้สำหรับผู้เริ่มต้น ท่าทั่วไปได้แก่:
Mountain Pose (Tadasana)
Downward-Facing Dog (Adho Mukha Svanasana)
Child's Pose (Balasana)
Cobra Pose (Bhujangasana)
Warrior Poses (Virabhadrasana I and II)
Tree Pose (Vrikshasana)
6.ฝึกการรับรู้ถึงลมหายใจ:
การหายใจเป็นองค์ประกอบสำคัญของโยคะ มุ่งเน้นไปที่การหายใจลึกๆ อย่างมีสติระหว่างการฝึก เรียนรู้และผสมผสานเทคนิคการหายใจขั้นพื้นฐาน
7.ติดตามบทช่วยสอนหรือชั้นเรียนออนไลน์:
หากคุณเพิ่งเริ่มเล่นโยคะ ลองทำตามบทเรียนออนไลน์หรือเข้าร่วมชั้นเรียนที่สตูดิโอโยคะหรือห้องออกกำลังกาย ซึ่งผู้สอนสามารถแนะนำคุณเกี่ยวกับการจัดตำแหน่งและเทคนิคที่เหมาะสมให้กับคุณได้
8.ฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ:
ความสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญ พยายามฝึกโยคะเป็นประจำแม้จะเป็นเพียงช่วงสั้นๆ ในแต่ละวันก็ตาม เมื่อคุณก้าวหน้า คุณจะค่อยๆ เพิ่มระยะเวลาและความซับซ้อนของเซสชันของคุณได้
9.ฟังร่างกายของคุณ:
ใส่ใจกับร่างกายของคุณและข้อจำกัดของมัน อย่ากดดันตัวเองมากเกินไป หรือบังคับตัวเองให้อยู่ในตำแหน่งที่ทำให้เกิดความเจ็บปวดหรือไม่สบายตัว โยคะเป็นเรื่องเกี่ยวกับความตระหนักรู้ในตนเองและความเห็นอกเห็นใจในตนเอง
10.รวมอาสนะและการทำสมาธิ:
โยคะไม่ใช่แค่ท่าทางทางกายภาพเท่านั้น ผสมผสานการทำสมาธิและการเจริญสติเข้ากับการปฏิบัติของคุณเพื่อส่งเสริมความชัดเจนและการผ่อนคลายของจิตใจ
11.รักษาความชุ่มชื้น:
ดื่มน้ำก่อนและหลังการฝึกเพื่อให้ร่างกายไม่ขาดน้ำ
12.วอร์มอัพและคูลดาวน์:
เริ่มต้นด้วยการอบอุ่นร่างกายเบาๆ เพื่อเตรียมร่างกายให้พร้อมสำหรับท่าโยคะ หลังการฝึก คลายร้อนด้วยท่าผ่อนคลายและหายใจเข้าลึกๆ
13.ปรับเปลี่ยนท่าตามต้องการ:
คุณสามารถปรับเปลี่ยนท่าทางให้เหมาะกับความยืดหยุ่นและความแข็งแรงของคุณได้ อาจจะใช้อุปกรณ์ช่วยเสริม เพื่อให้สามารถทำท่าต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น
14.ขอคำแนะนำ:
หากคุณมีข้อกังวลด้านสุขภาพหรือการบาดเจ็บโดยเฉพาะ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพหรือครูสอนโยคะที่มีประสบการณ์ เพื่อขอคำแนะนำว่าท่าใดปลอดภัยสำหรับคุณ
โยคะไม่ใช่แค่เรื่องสมรรถภาพทางกายเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับความเป็นอยู่ที่ดีทั้งทางจิตใจและอารมณ์ด้วย เมื่อเวลาผ่านไป คุณอาจพบว่าโยคะช่วยให้คุณมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ลดความเครียด เพิ่มสมาธิ และปรับปรุงสุขภาพของคุณให้ดียิ่งขึ้นได้อีกด้วย
ภาพ : AI Generate from Leonado.ai
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น